หน่วยความจำหลักใจปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด คือแบบDRAMธรรมดา,Fsat Page Modem DRAM (FPM DRAM) และแบบSynchronous DRAM(SDRAM)หน่วยความจำ DRAM และแบบธรรมดาและแบบ FPM ในปัจจุบันเริ่ม ไม่เป็นที่นิยมแล้ว เพราะมีความเร็วในกาทำงานต่ำ ไม่เหมาะที่จะใช้งานร่วมกับซีพียูความเร็วสูงรุ่นรุ่นใหม่ในปัจจบัน แถมราคายังใกล้เคียงกับ DRAM แบบEDO ซึ่งทำงานได้เร็วกว่าอีกด้วย แต่จะยังคงมีตำหน่ายอยู่ในตลาดเพราะ ยังคงมีความต้องการใช้หน่วยความจำชนิดนี้สำหรับ ใช้กับเครื่อง คอมพิวเตอร์รุ่นเก่า มักมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลอยู่ที่ 70nsมีจำนวนขา 72 ขา หน่วยความจำแบบ EDOในปัจจุบัน เป็นที่นิยม อย่างโดย เฉพาะรุ่นที่ใช้เมนบอร์ดที่ใช้ชิพเซ็ตรุ่นเก่าอย่าง 430FX,430VX และ 430HX ซึ่งหน่วยความจำชนิดนี้มีความ เร็วเหมาะสำหรับ ซีพีย ูตระกูลเพนเทียมทุกรุ่นทั้งที่มีเทคโนโลยี MMX และไม่มี มักมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล 60ns มีจำนวนขา 72 ขา จริงๆแล้วหน่วยความจำแบบ EDO ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันยังมีประสิทธิภาพสูงอยู่ แต่การมาของหน่วยความจำแบบ SDRAM ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์และ มีราคาสูงกว่าเพียงเล็กน้อย ทำให้หน่วยความจำชนิดนี้น่าใช้มากกว่าหน่วยความจำแบบ EDO อีกทั้งหนว่ยความจำแบบ SDRAM เป็นหน่วยความจำ ที่สามารถรองรับซีพียูความเร็วสูงรุ่นใหม่ในอนาคตได้ดี โดยจะสามารถ รองรับซีพียูรุ่นใหม่ที่ใช้ความเร็วของระบบัสได้ถึง 100MHz เช่นซีพียู Pentium II 350MHz,AMD K6 300MHzและ Cyrix M3 อีกทั้งสามารถรองรับการทำงานของระบบบัสแบบ AGP สามารถ ทำงานได้ที่ซึ่งต่างกับหน่วยความจำแบบ EDO ที่สามารถรองรับ การความเร็วของระบบบัสได้สูงสุดเพียง 66MHz หน่วยความจำ ชนิดนีมัก มีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลอยู่ที่ 12ns มีจำนวนขา 168 ขา สำหรับขนาดของหน่วยความจำหลักที่ใช้นั้น แม้ว่าขนาด 16MB จะเพียงพอ ที่จะใช้กับงานทั่วๆไปก็ตาม แต่ถ้าจะให้ดีควรเพิ่มเป็น 32 MB จะทำให้คุณทำงานต่างๆได้ราบรื่นมากยิ่งขึ้นและรวดเร็วมากขึ้น สำหรับผู้ใช ้คอม พิวเตอร์ในงานระดับ Professionnal หรือ Power User แล้วหน่วยความจำหลักขนาด 32MB นั้นถือว่าเป็นขนาดพื้นฐานอยู่แล้ว แต่เมื่อทำงานบนซอฟต์แวร์กราฟิก หรือทำงานบน ซอฟต์แวร์ด้านมัลติมีเดียขนาดใหญ่ โดยเฉพาะที่ทำงานบน OS 32 บิต เช่นวินโดว์ NT หรือใช้ใน งานสร้างแก้ไขตกแต่งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวความละเอียดสูงทั้งแบบ 2 มิติ 3มิติ และการทำงานด้านเดสท์ทอปพับบิลิชซิ่งคุณภาพสูงซึ่งซอฟต์แวร์ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นซอฟต์แวร์ที่ต้องการเนื้อที่ในหน่วยความจำหลักไปเป็นขนาด 64 MB จะดีกว่า เพราะจะช่วยให้ไม่ต้อง หยุดเพื่อรองานมานัก เนื่องจากเมื่อทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่ และหน่วยความจำหลักมีไม่มาก วินโดว์จะต้องเสียเวลาการ สลับข้อมูลไปมาระหว่างหน่วยความจำหลักแบบ ฮาร์ดดิสก์บ่อยครั้ง อีกทั้งยังช่วยให้ฮาร์ดดิสก์ไม่ต้องทำงานหนักมากเกินไป อันเป็นเหตุให้ฮาร์ดดิสก์ พังเร็วกว่าปกติและยัง ช่วยให้ความเร็วของ ระบบ โดยรวมสูงขึ้น